IQ > นอท สลากพลัส" ฮุบ EE นั่งประธานบอร์ด เพิ่มทุนขาย PP ปรับสู่ธุรกิจเทค
Fri, 6 Dec 2024 09:43:19
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (6 ธ.ค. 2567)-- บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) เปิดเผยว่า นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ (หรือนอท สลากพลัส) ได้ทำการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2567 จำนวน 1,607,000,000 หุ้น คิดเป็น 57.81% ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ซึ่งส่งผลให้นายพันธ์ธวัช กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทฯ ในครั้งนี้ การที่นายพันธ์ธวัช ถือหุ้นในบริษัทฯ เกินกว่า 25% ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดและสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ นั้น มีผลทำให้นายพันธ์ธวัช มีหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของกิจการ (Mandatory TenderOffer) โดยราคาทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของกิจการจะเท่ากับ 0.14 บาทต่อหุ้น ดังนั้น บริษัทจะดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย รวมถึงการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นแก่ผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของนายพันธ์ธวัช ในครั้งนี้ *แต่งตั้ง"พันธ์ธวัช" เป็นประธานกรรมการคนใหม่ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.67 อนุมัติแต่งตั้งนายพันธ์ธวัช ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และกรรมการใหม่แทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างอยู่ ดังนี้ พร้อมอนุมัติการเปลี่ยนชื่อของบริษัทฯ จากเดิม "บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน)" และชื่อภาษาอังกฤษ "Eternal Energy Public Company Limited" เปลี่ยนเป็น "บริษัท เทคลีด เอ็นพีเอ็น จำกัด (มหาชน)" และชื่อภาษาอังกฤษ "TECHLEAD NPN PUBLIC COMPANY LIMITED"*เพิ่มทุน 49.12% ขาย PP หุ้นละ 0.19 บาท ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 2,720,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิ มจำนวน 4,970,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 7,690,000,000 บาท โดยการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 2,720,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท หรือคิดเป็น 49.12% ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลังการเพิ่มทุนชำระแล้ว ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.19 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 516,800,000 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++รายชื่อบุคคลในวงจำกัด จำนวนหุ้นที่ได้รับ มูลค่าหุ้นที่ได้รับ สัดส่วนการถือหุ้นภายหลังการเข้าทำ การจัดสรร (หุ้น) การจัดสรร(บาท) รายการ (ร้อยละ)1. นายคีรีภัทร์ ศุภสินประภาพงศ์ 1,038,142,857 197,247,143 18.882. นายไพบูลย์ ทรงเพ็ชรมงคล 541,181,818 102,824,545 9.843. นายวิชิต จิรัฐิติเจริญ 407,071,429 77,343,571 7.404. นายจักรวิตร ภัทรจินดา 383,603,896 72,884,740 6.975. นางสาวสุกัญญา ทิพย์มณี 350,000,000 66,500,000 6.36รวม 2,720,000,000 516,800,000 49.45++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ *ดึงธุรกิจเทคมาแทนธุรกิจกัญชงกัญชา บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจจากที่บริษัทมีรายได้จากธุรกิจกัญชงและกัญชา แต่เนื่องจากธุรกืจนี้มีอัตราความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ และยังมีวงจรเงินสดที่ช้า จึงมีแนวทางในการขยายการลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยสามารถสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอให้กับบริษัทฯ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานะการเงินของบริษัทฯ อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง และเพิ่มโอกาสให้กับบริษัทฯ ในอนาคต ตลอดจนเป็นการเพิ่มศักยภาพและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ต่อผู้มีส่วนได้เสีย(Stakeholders) รวมถึงเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สถาบันการเงิน โดยบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ ("ธุรกิจ Tech") ซึ่งรวมถึง (1) ธุรกิจสื่อ เทคโนโลยี (Technology Media) (2) ธุรกิจให้บริการชำระเงิน (Payment Gateway Solution) และ/หรือ (3)ธุรกิจแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Marketplace Platform) เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจ Tech เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตจากการสร้างรายได้และความสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นที่ต้องลงทุนในสินทรัพย์ และเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์ (Mega Trend) ซึ่งได้แก่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันผู้คนใช้ชีวิตและใช้เวลากับอุปกรณ์สื่อสารกันมากขึ้น ทำให้สื่อออนไลน์และแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศไทยและเศรษฐกิจโลก โดยแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นการเชื่อมโยงระหว่างผู้บริโภคและผู้ขายหรือภาคธุรกิจผ่านอินเทอร์เน็ต บริษัทฯ จึงมีความสนใจในการเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ มีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่น้อยกว่า 12% และมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต (Potential Upside) จากธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์ ทั้งนี้ บริษัทฯจะนำเงินทุนที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามรายการ Private Placement ไปใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจ Tech ประมาณ 467 - 517 ล้านบาท ภายในปี 2568 และใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ไม่เกิน 50 ล้านบาทภายในปี 2568โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา คงขุนเทียน