🔥 PTT Q3/2568 + คาดการณ์

‼️💢แจ้งเตือนงบ ทุกตัว ที่ Telegram ครับ

🔗Link เข้ากลุ่ม ครับ

🏭 PTT Q3/68

💰 กำไรสุทธิส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ 19,783 ลบ. โต 21.2%YoY, ลดลง 8.1%QoQ

📈 รายได้จากการขายฯ 646,689 ลบ. (-15.1%YoY, -4.4%QoQ)

💵 มาร์จิ้นกลั่น–กำไรสต๊อกหนุน EBITDA แตะ 85,769 ลบ. พร้อมกำไรพิเศษจากซื้อคืนหุ้นกู้ TOP–GC ราว 900 ลบ.

📉 ธุรกิจสำรวจและผลิต–ก๊าซฯ–ปิโตรเคมียังถูกกดดันจากราคาขายและสเปรดที่อ่อนตัว

🏦 สินทรัพย์รวม 3.32 ล้านลบ., หนี้สินรวม 1.67 ล้านลบ., D/E เพียง 1.01 เท่า ฐานะการเงินแข็งแรง

📊 9M/68 กำไรสุทธิผู้ถือหุ้นใหญ่ 64,632 ลบ. ยังหด 20%YoY จากราคาน้ำมัน–ปิโตรเคมีทั้งปีที่อ่อนตัว

🧩 เดินหน้ากลยุทธ์ Asset Monetization (A1) ปรับพอร์ต Life Science และโครงการซื้อหุ้นคืน เสริมมูลค่า–ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นระยะยาว

#PTT #สรุปงบQ3 #หุ้นพลังงาน #SET #ผลประกอบการ

🤖 ทดสอบสรุปข่าวโดย Ai 🤖

พาดหัวข่าว

“PTT Q3/68 กำไรพุ่ง 21%YoY รับมาร์จิ้นกลั่น–กำไรพิเศษซื้อคืนหุ้นกู้ แม้รายได้หด 15%ตามราคาน้ำมัน”

สรุปผลประกอบการ

อ้างอิงตัวเลขจากงบการเงินรวมไตรมาส 3/2568 (สอบทานแล้ว) ของ บมจ.ปตท.

1️⃣ ตัวเลขสำคัญ (งบการเงินรวม Q3/68 — หน่วย: ล้านบาท)

รายได้จากการขายและการให้บริการ

Q3/68: 646,689 ลบ.

Q3/67: 761,858 ลบ. → -15.1%YoY

QoQ (เทียบ 2Q/68 จาก MD&A: 676,754 ลบ.): -4.4%QoQ

กำไรขั้นต้น (Gross Profit)

Q3/68: 71,081 ลบ.

Q3/67: 52,050 ลบ. → +36.6%YoY

กำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit)

Q3/68: 50,373 ลบ.

Q3/67: 44,688 ลบ. → +12.7%YoY

กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่

Q3/68: 19,783 ลบ.

Q3/67: 16,324 ลบ. → +21.2%YoY

QoQ (เทียบกำไรสุทธิรวมจาก MD&A: 2Q/68 = 21,533 ลบ., 3Q/68 = 19,784 ลบ.): -8.1%QoQ

อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin)

Q3/68: 11.0%

Q3/67: 6.8% → มาร์จิ้นดีขึ้น ~+4.2 ppts

อัตรากำไรสุทธิ (Net Margin — อิงกำไรผู้ถือหุ้นใหญ่/ยอดขาย)

Q3/68: 3.1%

Q3/67: 2.1% → ดีขึ้น ~+0.9 ppts

ภาพรวม 9M/68 (งวด 9 เดือน)

กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่: 64,632 ลบ.

9M/67: 80,761 ลบ. → -20.0%YoY (สะท้อนแรงกดดันจากราคาน้ำมัน–ก๊าซและปิโตรเคมีตลอดปี)

2️⃣ รายได้และค่าใช้จ่าย

รายได้หลัก:

รายได้จากการขายและให้บริการเป็นหลักกว่า 6.47 แสนลบ. ลดลงตาม

ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 3Q/68 ที่ต่ำกว่าปีก่อน

ปริมาณขายในบางธุรกิจที่ชะลอ

ต้นทุนขาย

Q3/68: 575,608 ลบ. ลดลงแรงกว่ารายได้ → ทำให้ กำไรขั้นต้นโตแรง +36.6%YoY

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร + ค่าภาคหลวง

รวมราว 50,373 ลบ. ก่อนหักส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (เป็นตัวหลักกดดันจาก EBITDA ลงมาสู่กำไรสุทธิ)

รายได้/รายการอื่นๆ ที่สำคัญ

รายได้อื่น, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และกำไร/ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์รวมกันช่วยดันกำไรจากการดำเนินงาน

มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์สุทธิ เป็นบวก ในไตรมาสนี้

3️⃣ ปัจจัยที่มีผลต่อกำไร

ฝั่งบวก (หนุนกำไร):

ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น

ธุรกิจโรงกลั่น “พลิกภาพ” มี กำไรสต๊อกน้ำมันสุทธิ + มูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือ ~1.7 พันลบ.

ในขณะที่ 3Q/67 ขาดทุนสต๊อกราว 2 หมื่นลบ.

Market GRM ดีขึ้นแม้ปริมาณขายลดลง

Non-recurring income

ไตรมาสนี้มี กำไรพิเศษสุทธิภาษีของ PTT ราว 900 ลบ.

จากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ TOP และ GC

ปีที่แล้ว 3Q/67 มี ขาดทุนพิเศษราว 9,500 ลบ. จากการด้อยค่าทรัพย์สินของบริษัทร่วมด้านปิโตรเคมี (PTTAC)

→ Base ปีที่แล้วต่ำมาก ทำให้ YoY ของกำไรดูโดดเด่น

การบริหารความเสี่ยง FX / Natural Hedge

การแข็งค่าของเงินบาทกระทบรายได้ที่อ้างอิง USD แต่กลุ่มปตท.ใช้ Natural Hedge ลดผลกระทบโดยรวม

ฝั่งลบ (ถ่วงกำไร):

ราคาน้ำมันและปิโตรเคมี

ราคาน้ำมันดิบดูไบต่ำลงจากปีก่อน และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลายตัวแคบลง

ธุรกิจสำรวจและผลิต + ก๊าซฯ

รายได้จากการขายลดลงตามราคาน้ำมัน/ก๊าซ

โรงแยกก๊าซฯ มีกำไรขั้นต้นลดลงตามราคาปิโตรเคมีที่ใช้อ้างอิง

QoQ กำไรสุทธิลดลง

แม้ EBITDA 3Q/68 = 85,769 ลบ. โต +24.5%YoY และ +9.0%QoQ

แต่ 2Q/68 มี Non-recurring ก้อนใหญ่ราว 4,200 ลบ. จากกำไรจากการซื้อกิจการโรงกลั่น Shell สิงคโปร์ของ TOP

ทำให้ฐานกำไร 2Q สูงผิดปกติ → พอเข้าสู่ 3Q จึงเห็นกำไรสุทธิลดลง QoQ

4️⃣ สำรองหนี้ / NPL (ไม่ใช่ธนาคาร)

PTT ไม่ใช่สถาบันการเงิน → ไม่มีตัวเลข NPL / Coverage แบบธนาคาร

ความเสี่ยงหลักมาจาก ราคาโภคภัณฑ์ (น้ำมัน–ก๊าซ–ปิโตรเคมี) และ FX มากกว่าคุณภาพสินเชื่อ

5️⃣ ความเห็นผู้สอบบัญชี

ประเภทรายงานผู้สอบบัญชี: “ไม่มีเงื่อนไข” (งบสอบทานแล้ว)

ไม่มีประเด็นข้อสังเกตที่มีนัยสำคัญต่อฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน

6️⃣ ฐานะการเงิน

ณ 30 ก.ย. 2568 (งบการเงินรวม — หน่วย: ล้านบาท)

สินทรัพย์รวม:

3,323,724 ลบ. (ลดลง ~3.3% จากสิ้นปี 67 ที่ 3,438,784 ลบ.)

หลักๆ จาก

ลูกหนี้การค้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นลดลง (ราคาขาย–ปริมาณขายลดลง)

เงินสดลดลงจากชำระคืนเงินกู้และลงทุนในบริษัทย่อย/บริษัทร่วม

หนี้สินรวม:

1,666,848 ลบ. (ลดลง ~6.5% จากสิ้นปี 67 ที่ 1,781,907 ลบ.)

จากการชำระคืนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยทั้งของ PTT, GC, TOP

ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม:

1,656,876 ลบ. ใกล้เคียงสิ้นปี 67

ผลต่างเล็กน้อยจาก

ผลต่างการแปลงค่างบการเงิน (ค่าเงินบาทแข็ง)

หุ้นทุนซื้อคืน (Treasury Stock)

กำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นหักเงินปันผลที่จ่าย

D/E (หนี้สินรวม / ส่วนของผู้ถือหุ้น):

ประมาณ 1.01 เท่า → ฐานะการเงิน “แข็งแรง–เลเวอเรจไม่สูง”

7️⃣ แนวโน้ม / ความเสี่ยงในอนาคต

โอกาส:

กลยุทธ์ Asset Monetization (A1)

รวมสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐาน/โลจิสติกส์ (ถังเก็บน้ำมัน, ท่าเทียบเรือ ฯลฯ) เข้า PTT Tank

ปรับโครงสร้างให้ PTT Tank เป็น Infrastructure Flagship สร้าง Synergy ภายในกลุ่ม และปลดล็อกมูลค่าสินทรัพย์

ปรับพอร์ต Life Science แบบ self-funding

ลดสัดส่วนลงทุนบางโครงการ และใช้กระแสเงินสดจากตัวธุรกิจเองมากขึ้น ลดภาระ PTT ในระยะยาว

โครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock)

ซื้อคืนรวม 238.66 ล้านหุ้น วงเงินราว 7,549 ลบ. สนับสนุน EPS และผลตอบแทนผู้ถือหุ้น

ความเสี่ยง:

ความผันผวนของราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี

ขึ้นกับสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์, นโยบาย OPEC+, ความต้องการใช้พลังงานโลก

สงครามการค้า–ภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs)

ส่งผลต่อการค้าโลก, ความต้องการใช้พลังงาน และราคาโภคภัณฑ์

เศรษฐกิจไทยและปัจจัยการเมืองในประเทศ

การบริโภค–ลงทุนชะลออาจกดดันปริมาณขายในประเทศบางส่วน

8️⃣ ภาพรวมกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector Comparison)

ผลประกอบการ PTT สอดคล้องกับกลุ่มพลังงาน–ปิโตรเคมีในภูมิภาค

ธุรกิจโรงกลั่นได้แรงหนุนจาก ค่าการกลั่นดีเซล–กำไรสต๊อก

แต่ธุรกิจปิโตรเคมี (โอเลฟินส์–อะโรเมติกส์) และก๊าซฯ ยังเผชิญ ส่วนต่างราคาและปริมาณขายลดลง

เมื่อเทียบกับผู้เล่นรายอื่นในกลุ่มเดียวกัน

PTT ได้เปรียบจากโครงสร้างธุรกิจแบบ Integrated Value Chain ทำให้ผลกระทบกระจายตัว

แต่ในเชิง YoY 9 เดือน กำไรยัง อ่อนตัวตาม Sector จากราคาน้ำมันและปิโตรเคมีที่ลดลง

9️⃣ สรุปโทนข่าว (Sentiment)

โทน: “เชิงบวกปานกลาง”

✅ กำไร Q3/68 โตแรง YoY +21.2% จากมาร์จิ้นกลั่นดีขึ้น + กำไรพิเศษ และฐานปีก่อนต่ำ

✅ EBITDA ทำจุดที่ดีทั้ง YoY และ QoQ

✅ ฐานะการเงินแข็งแรง D/E เพียง ~1.0 เท่า

⚠️ แต่ 9M/68 กำไรยัง หด 20%YoY, รายได้หดตามราคาน้ำมัน และกำไร QoQ ลดเพราะฐานกำไรพิเศษไตรมาสก่อนสูง

มองโดยรวม ผลประกอบการไตรมาสนี้ถือว่า “ดีกว่าภาพอุตสาหกรรม” แต่ Upside ในระยะถัดไปยังขึ้นกับราคาน้ำมัน–ค่าการกลั่น และการปลดล็อกมูลค่าโครงการตามกลยุทธ์ A1

🔟 Key Metrics Summary Box

รายการQ3/68%YoY%QoQ*รายได้จากการขายและการให้บริการ646,689 ลบ.-15.1%-4.4%กำไรขั้นต้น71,081 ลบ.+36.6%n/aกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit)50,373 ลบ.+12.7%n/aกำไรสุทธิผู้ถือหุ้นใหญ่19,783 ลบ.+21.2%-8.1%อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin)11.0%↑n/aอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin)3.1%↑n/aสินทรัพย์รวม3,323,724 ลบ.-3.3% จากสิ้นปี 67n/aหนี้สินรวม1,666,848 ลบ.-6.5% จากสิ้นปี 67n/aส่วนของผู้ถือหุ้นรวม1,656,876 ลบ.ใกล้เคียงสิ้นปี 67n/aD/E1.01 เท่า↓→

* %QoQ สำหรับรายได้และกำไรสุทธิอ้างอิงตัวเลข 2Q/68 จาก MD&A ของบริษัท

⓫ คำกล่าวของผู้บริหาร (สรุปใจความจาก MD&A)

กลุ่มปตท.เดินหน้าบริหารพอร์ตธุรกิจพลังงานและ Non-Hydrocarbon อย่างยืดหยุ่น

เน้นกลยุทธ์ Asset Monetization (A1) การใช้ทรัพยากรจากธุรกิจเดิมมาสร้างการเติบโต

ควบคู่กับการดูแลผลตอบแทนผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ